“เทศกาลสารทจีน” คืออะไร สำคัญอย่างไรกับลูกหลานชาวจีน

เทศกาลสารทจีน” หรือ เทศกาลจงหยวน” (ตงง้วงโจย) หมายถึงสารทกลางปี คนแต้จิ๋วเรียกว่า “ซิกง่วยปั่ว” แปลว่า กลางเดือนเจ็ด วันสารทจีนจะตรงกับวันที่ 15 เดือน 7 ตามปฏิทินทางจันทรคติ หรือในปี 2566นี้ ตรงกับวันที่ 30 สิงหาคม 2566

สำหรับ สารทจีน” ถือเป็นเทศกาลที่สำคัญเป็นอันดับ 2 รองจากเทศกาลตรุษจีน ที่ลูกหลานชาวไทยเชื้อสายจีนจะต้องไหว้กัน ดังนั้นเทศกาลนี้มีความสำคัญอย่างไร ทีมข่าวนิวมีเดียพีพีทีวีได้รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจมาดังนี้

ส่อง สองตำนาน “วันสารทจีน” หรือ “วันไหว้ผี”

“วันสารทจีน” ควรไหว้อะไรบ้าง กับข้อห้ามที่ไม่ควรปฏิบัติ

ตำนานประเพณีไหว้สารทจีน

ที่มาของความเชื่อใน “สารทจีน” นั้น มีอยู่ 2 ตำนานที่เล่าขานสืบต่อกันมา

ตำนานที่ 1

ตำนานนี้กล่าวไว้ว่า “วันสารทจีน” เป็นวันที่เงี่ยมล้อเทียนจือ (ยมบาล) จะตรวจดูบัญชีวิญญาณคนตาย ส่งวิญญาณดีขึ้นสวรรค์และส่งวิญญาณร้ายลงนรก ชาวจีนทั้งหลายรู้สึกสงสารวิญญาณร้ายจึงทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ ดังนั้นเพื่อให้วิญญาณร้ายออกมารับกุศลผลบุญนี้จึงต้องมีการเปิดประตูนรกนั่นเอง

ตำนานที่ 2

ส่วนอีกตำนวนนั้น ระบุเอาไว้ว่า มีชายหนุ่มผู้หนึ่งชื่อ “มู่เหลียน” (พระมหาโมคคัลลานะ) เป็นคนเคร่งครัดในพุทธศาสนามาก ผิดกับมารดาที่เป็นคนใจบาปหยาบช้าไม่เคยเชื่อเรื่องนรกสวรรค์มีจริง ปีหนึ่งในช่วงเทศกาลกินเจนางเกิดความหมั่นไส้คนที่นุ่งขาวห่มขาวถือศีลกินเจ นางจึงให้มู่เหลียนไปเชิญผู้ถือศีลกินเจเหล่านั้นมากินอาหารที่บ้านโดยนางจะทำอาหารเลี้ยงหนึ่งมื้อ

ผู้ถือศีลกินเจต่างพลอยยินดีที่ทราบข่าวว่ามารดาของมู่เหลียนเกิดศรัทธาในบุญกุศลครั้งนี้ จึงพากันมากินอาหารที่บ้านของมู่เหลียนแต่ไม่รู้ว่าในน้ำแกงเจนั้นมีน้ำมันหมูเจือปนอยู่ด้วย การกระทำของมารดามู่เหลียนนั้นถือว่าเป็นกรรมหนัก เมื่อตายไปจึงตกนรกอเวจีมหานรกขุมที่ 8 เป็นนรกขุมลึกที่สุดได้รับความทุกข์ทรมานแสนสาหัส

เมื่อมู่เหลียนคิดถึงมารดา ก็ได้ถอดกายทิพย์ลงไปในนรกภูมิ จึงได้รู้ว่ามารดาของตัวเองกำลังอดอยาก จึงป้อนอาหารแก่มารดา แต่ได้ถูกบรรดาภูตผีที่อดอยากรุมแย่งไปกินหมดและเม็ดข้าวสุกที่ป้อนนั้นกลับเป็นไฟเผาไหม้ริมฝีปากของมารดาจนพอง แต่ด้วยความกตัญญูและสงสารมารดาที่ได้รับความทุกข์ทรมานอย่างสาหัส มู่เหลียนได้เข้าไปขอพญาเหงี่ยมล่ออ๊อง (ยมบาล) ว่าตัวเองขอรับโทษแทนมารดา

แต่ก่อนที่มู่เหลียนจะถูกลงโทษด้วยการนำร่างลงไปต้มในกระทะทองแดง พระพุทธเจ้าได้เสด็จลงมาโปรดไว้ได้ทัน โดยกล่าวว่ากรรมใดใครก่อก็ย่อมจะเป็นกรรมของผู้นั้นและพระพุทธเจ้าได้มอบคัมภีร์อิ๋ว หลันเผิน ให้มู่เหลียนท่องเพื่อเรียกเซียนทุกทิศทุกทางมาช่วยผู้มีพระคุณให้หลุดพ้นจากการอดอยากและทุกข์ทรมานต่าง ๆ ได้ โดยที่มู่เหลียนจะต้องสวดคัมภีร์อิ๋ว หลันเผินและถวายอาหารทุกปีในเดือนที่ประตูนรกเปิดจึงจะสามารถช่วยมารดาของเขาให้พ้นโทษได้

นับแต่นั้นเป็นต้นมา ชาวจีนจึงได้ถือเป็นประเพณีปฏิบัติสืบต่อมากันโดยตลอดด้วยการเซ่นไหว้ โดยจะนำอาหารทั้งคาวหวาน และกระดาษเงินกระดาษทองไปวางไว้ที่หน้าบ้านหรือตามทางแยกที่ไม่ไกลนัก มีนัยว่าเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจของบรรดาวิญญาณเร่ร่อนที่กำลังจะผ่านมาใกล้ที่พักของตน

วันแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ

“วันสารทจีน” จึงเป็นวันสำคัญที่ลูกหลานชาวจีนจะแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษผ่าน “พิธีเซ่นไหว้” และยังถือเป็นเดือนที่ประตูนรกเปิดให้วิญญาณทั้งหลายมารับกุศลผลบุญได้ ส่วน “ของไหว้” หลัก ๆ จะเป็นอาหารคาว หวาน และผลไม้ โดยเน้นเมนูที่บรรพบุรุษชื่นชอบ อีกทั้งในวันสารทจีน ก็ยังมีการไหว้เจ้าที่ และไหว้ผีไม่มีญาติเป็นการให้ทานอีกด้วย

เผากระดาษกงเต็ก อีกกิจกรรมสำคัญในวันสารทจีน

 “เทศกาลสารทจีน” คืออะไร สำคัญอย่างไรกับลูกหลานชาวจีน

นอกจากจะมีพิธีเซ่นไหว้แล้ว อีกกิจกรรมหลักที่ทุกครัวเรือนจะทำร่วมกัน คือ การเผากระดาษกงเต็ก ซึ่งตามความเชื่อของชาวจีน “กงเต็ก” ถือเป็นสะพานที่เชื่อมโยงระหว่าง “คนเป็น” และ “คนตาย”

โดย “กง” แปลว่า การกระทำ ส่วน “เต็ก” แปลว่า คุณธรรม เมื่อนำมารวมกันแล้วแปลได้ว่า การกระทำที่มีคุณธรรม ซึ่งหมายถึง การแสดงความกตัญญูของลูกหลานผ่านพิธีอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ล่วงลับ

การเผากระดาษกงเต็ก ถือเป็นพิธีการอุทิศส่วนกุศลและส่งดวงวิญญาณให้เดินทางไปยังสวรรค์ และอีกนัยหนึ่ง เชื่อว่าเป็นการส่งข้าวของ เงินทอง และเครื่องใช้ต่าง ๆ ผ่านเปลวไฟ เพื่อส่งของต่าง ๆ ไปให้บรรพบุรุษผู้อยู่อีกภพหนึ่งได้ใช้ซึ่งการเผาสิ่งของต่าง ๆ ตามความเชื่อนี้ เป็นวัฒนธรรมของคนจีนที่สืบทอดกันมากว่า 1,400 ปีมาแล้วคำพูดจาก นสล็อตออนไลน์

ในยุคแรก ๆ มีเพียงการเผากระดาษเงินกระดาษทอง โคมไฟ ห้องน้ำ ม้า นก และหีบเสื้อผ้าเท่านั้น แต่ต่อมาก็เริ่มใส่ไอเดียต่างๆ ลงไปในกระดาษกงเต็กมากขึ้นตามยุคสมัย เช่นบ้าน เฟอร์นิเจอร์เครื่องเสียง รถยนต์ หรือ มือถือสมาร์ทโฟน

“เทศกาลสารทจีน” นอกจากจะเป็นประเพณีที่ลูกหลานจะแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษซึ่งล่วงลับไปแล้ว ยังเป็นประเพณีที่ทุกคนในครอบครัวจะได้กลับมาทำกิจกรรมร่วมกันอย่างพร้อมหน้า ใช้เวลาในครอบครัวเพื่อนสานสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นอีกด้วย

You May Also Like

More From Author